ถ้าพูดถึงดิสนีย์ เราก็คงจะนึกถึงตัวละครคลาสสิคหลายๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็นซินเดอรเรลลา โฉมงามกับเจ้าชายอสูร อลิสในแดนมหัศจรรย์ เนื่องจากเป็นตัวละครในยุคสมัยที่เรายังเป็นเด็ก ถ้าถามเด็กสมัยนี้อาจจะเป็น Wall-E, Frozen, Big-Hero 6 แต่มีใครบ้างไหมที่อยากจะลองไปแดนดิสนีย์ในประเทศเจ้าพ่อคอสเพลย์อย่างญี่ปุ่นกันบ้าง
ความเป็นมา
ทั้ง Tokyo Disneyland และ Tokyo DisneySea ต่างอยู่ในจิบะ (จังหวัดโตเกียว) โดยกลุ่ม Oriental Land Company เป็นเจ้าของ โดยเป็นผลงานร่วมกันระหว่าง Disneyland สาขา California และ Magic Kingdom สาขา Orlando ร่วมกันออกแบบดีไซน์และสถานที่เล่น
ตามข้อมูลประวัติศาสตร์นั้น Tokyo Disney เป็นสวนสนุก Disney แห่งแรกนอกสหรัฐอเมริกา เปิดให้บริการมาตั้งแต่ 15 เมษายน 1983 นั่นเอง โดยในปี 2013 สวนสนุกนี้เป็นสวนสนุกที่มีคนเข้ามากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ตามหลังก็เพียง Magic Kingdom ที่ Orlando เท่านั้นเอง
ในปัจจุบัน Tokyo Disneyland เป็นส่วนสนุกที่มีผู้เยี่ยมชมมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ส่วน Tokyo DisneySea ก็ได้อันดับ 5 ของโลกด้วย เราจึงขอรวบรวมคำแนะนำสำหรับผู้ที่คิดจะไปเยี่ยมชมสวนสนุกสุดอลังการนี้ เพื่อให้มีเรื่องราวที่น่าจดจำคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
1: Tokyo Disneyland กับ Tokyo DisneySea ไม่เหมือนกันนะ
แม้ว่าทั้งสองแห่งจะเป็นสถานที่ยอดนิยมในเครือ Disney แต่ทว่าทั้งสองที่ก็แตกต่างกัน โดย Disneyland จะมีส่วนต่างๆ ในสวนสนุกทั้งหมด 7 โซนด้วยกัน (World Bazaar, Adventureland, Westernland, Fantasyland, Tomorrowland, Critter Country และ Mickey’s Moontown) ส่วนใหญ่เป็นสวนสนุกสำหรับเด็กๆ ในวัยประถม และมากันทั้งครอบครัวมากกว่า แม้จะมีพื้นที่กว้างใหญ่แต่ก็สามารถแน่นขนัดได้ง่ายๆ เลย
Tokyo DisneySea นั้นแตกต่างไปตรงที่ว่าได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใหญ่ คู่รัก และเด็กมัธยมปลายเสียมากกว่า โดยแยกเป็นเจ็ดโซนเช่นกัน ได้แก่ Mediterranean Harbor, American Waterfront, Lost River Delta, Port Discovery, Mermaid Lagoon, Arabian Coast และ Mysterious Island จุดเด่นก็คือการแสดงกลางน้ำที่สามารถรับชมได้แม้จะเข้าคิวรอคอยเครื่องเล่นก็ตาม
2: ทำการจองออนไลน์
แม้ว่าหน้าทางเข้าจะมีตั๋วเข้าสวนสนุกขายอยู่ก็ตาม แต่นั่นหมายความว่าต้องตื่นเช้าและมาเข้าคิวรอก่อนสวนสนุกจะเปิดให้บริการ ถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองเวลาอย่างมาก เราแนะนำให้ลองเปิดเข้าเว็บ Tokyo disney Resort Official และดูว่ามีตั๋วไหนที่ตรงกับเวลาของเราบ้าง
ตั๋วเองก็มีราคาแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา และอายุของผู้เข้า ตั๋วเข้าหนึ่งวันอาจจะมีราคา 7,400 เยน และถ้าตั๋วสองวันอาจจะเป็น 13,200 เยน หรือจะซื้อตั๋วสำหรับเข้าสวนสนุกหลัง 6 โมงเย็น (ตั๋ว After 6 Passport) จะมีให้บริการเฉพาะวันธรรมดา ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ในราคา 4,200 เยนเท่านั้น
3 : กะเวลาให้ถูก
แม้ว่า Tokyo Disneyland และ Tokyo DisneySea จะวุ่นวายไปด้วยผู้คนนับสิบล้านคนตลอดทั้งปี แต่ก็มีช่วงเวลาในแต่ละปีที่สวนสนุกจะแน่นเอามากๆ จนการไปเที่ยวไม่สนุก และกลายเป็นนรกบนดินแทน แม้จะมีการแสดงโชว์คอยคั่นบรรยากาศการรอคอยกตามที
ช่วงเวลาที่อันตรายไม่ควรไปก็ได้แก่พวกวันหยุดสุดสัปดาห์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันพิเศษ (เช่นวาเลนไทน์ คริสต์มาส ขึ้นปีใหม่ หรือโกลเด้นวีค) ควรจะเช็คให้ดีก่อนวางแผนเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น
4: นั่ง Tokyo Disney Resort Line
ประหยัดเวลาในการเดินทาง และเน้นความสะดวกสบายด้วยการเดินทางด้วยรถไฟสายพิเศษ Tokyo Disney Resort Line รถไฟรางเดี่ยวที่วิ่งวนรอบสวนสนุก Tokyo Disney Resort โดยเป็นผลงานความร่วมมือระหว่าง JR Maihama Station และ Resort เอง โดยให้บริการทั้ง Disneyland Station, DisneySea Station และ Bayside Station ถ้าไปตามช่วงเทศกาล เช่นอีสเตอร์ หรือคริสต์มาสก็จะได้เห็นรถไฟตกแต่งพิเศษอีกด้วย
ตั๋วรถไฟราคาเพียง 260 เยนเท่านั้นสำหรับผู้ใหญ่ ส่วนเด็กอายุ 11 ลงไปเหลือเพียง 130 เยนเท่านั้น หรือถ้าใครคิดจะนั่งเยอะๆ ก็มี Day Passes ให้บริการด้วยเช่นกัน
5: ทำตัวธรรมดา อย่าเวอร์วังอลังการ
หนึ่งวันใน Disneyland อาจจะสั้น เนื่องจากสนุกสนาน แต่ขณะเดียวกันก็ยาวนานจนแทบจะเหนื่อยขาดใจตาย คงไม่มีใครอยากใส่รองเท้าส้นเข็มยืนรอและเล่นสวนสนุก 12 ชั่วโมงติดๆ กันแน่ การแต่งตัวให้ธรรมดา ชุดสบายๆ ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในการทำภารกิจสวนสนุกเช่นนี้
หรือถ้าอยากไม่ธรรมดา ลองซื้อเสื้อมิกกี้เมาส์ หรือหูมิกกี้ติดเพิ่มระหว่างรอคิวก็ได้
6 : วางแผนด้วยแอพอย่างเป็นทางการของ Tokyo Disney Resort บนมือถือ
ถ้าใครสามารถอ่านภาษาญี่ปุ่นได้ เราขอแนะนำให้ลงแอพ Tokyo Disney Resort บนมือถือ ตัวแอพนั้นฟรี และมีข้อมูลตารางการแสดงโชว์ และสุ่มลุ้นรับที่นั่งฟรีในพาเหรด ทั้ง Tokyo Disneyland และ Tokyo DisneySea ซึ่งมีให้ลุ้นเฉพาะผู้ที่กดสุ่มผ่านแอพมือถือเท่านั้น
7: เอนจอยกับดิสนีย์ปอปคอร์นในสวนสนุกฯ
ไม่ว่าใครก็ตามก็สนใจที่จะหาทางฆ่าเวลาระหว่างรอคิวยาวๆ กันอยู่แล้ว หนึ่งในขนมที่น่าสนใจในสวนสนุกก็คือปอปคอร์นนั่นเอง โดยในสวนสนุกมีตู้รถเข็นปอปคอร์นไปทั่ว เช่นรสคาราเมล น้ำผึ้ง หรือรสเกลือ หรือถ้าอยากลองของแปลกก็มีรสอย่างซอสโชยุและเนย หรือรสแกงกะหรี่ด้วย
8: ซื้อของฝากก่อน
ร้านขายของฝากใน Tokyo Disneyland นั้นมีหลากหลายประเภทมาก เหมาะสำหรับคนทุกวัย และทุกโอกาส เลือกกันได้ตั้งแต่สายห้อยนาฬิกาสไตล์ Disney ไปจนถึงแก้วชา หรือผ้าห่ม หลายๆ คนเลือกที่จะซื้อของฝากก่อนกลับบ้าน เนื่องจากไม่อยากพกของเยอะๆ เดินไปเดินมา แต่ถ้าจะซื้อของฝากเล็กๆ น้อยๆ เราแนะนำให้ไปซื้อเสียก่อนในตอนเช้า เนื่องจากไม่มีคนเข้ามาแย่งกับเรามากนัก ส่วนใหญ่จะรอซื้อตอนกลับกันทั้งนั้น
9: กินขนมแทนเข้าร้านอาหาร
สวนสนุกของ Disney นั้นมีร้านอาหารอยู่จำนวนมากเช่นกัน โดยแต่ละร้านก็จะตกแต่งธีมแบบ Disney อย่างน่ารัก แต่คำเตือนก็คือต้องต่อคิวกันยาวมาก และราคาแพงเอาการ การเปลี่ยนไปกินขนมแทนข้าวในร้านอาหารสามารถช่วยเรื่องเวลาและค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี
ขนมกินเล่นใน Disney ก็ใช่ว่าจะธรรมดาเสียเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็น Gyoza Dog หรือ Melon Bread และถ้าไปช่วงเทศกาลเช่นคริสต์มาสก็อาจจะเจอถุง หรือบรรจุภัณฑ์พิเศษสำหรับเทศกาลก็ได้
10: Download แอพ Tokyo Disney HAPPINESS CAM
การถ่ายรูปในสวนสนุกก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกอยู่แล้ว แต่สามารถสนุกกว่าได้ถ้าใช้แอพเฉพาะทางอย่าง HAPPINESS CAM ของทาง Disney โดยในแอพจะมีตัวเลือกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการติดสติกเกอร์ หรือฟิลเตอร์ต่างๆ เข้ามาได้ แอพนั้นโหลดฟรี แต่มีเฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ตัวแอพจะตรวจสอบ GPS ระหว่างใช้งานด้วย ถ้าอยู่ในพื้นที่ของสวนสนุก Tokyo Disneyland หรือ Tokyo DisneySea ก็จะได้เอฟเฟกต์พิเศษอีกด้วย
ตั๋ว Tokyo Disneyland Fast Pass ของ Disney นั้นก็เหมือนกับระบบ Priority System ในสวนสนุกอื่นๆ โดยทำให้ผู้ที่มาเยี่ยมสวนสนุกประหยัดเวลาที่ต้องยืนรอคิว และได้เล่นเร็วขึ้น
ใช้งานยังไง
บริการ FASTPASS นั้นฟรี ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมสวนสนุกก็สามารถใช้งานได้ แต่ว่าไม่ใช่ว่าบริการนี้จะใช้กับเครื่องเล่นได้ทุกตัว โดยเครื่องเล่นที่ใช้ Tokyo Disneyland Fast Pass ได้จะมีเครื่องสแกนบัตรหน้าตาแตกต่างกันออกไปตามแต่เครื่องเล่น โดยเมื่อแสกนแล้วจะได้รับบัตร Tokyo Disneyland Fast Pass มาด้วย (โดยจะระบุเวลาที่จะได้เล่นเอาไว้)
ระหว่างนั้นจะออกไปกินขนม เดินเล่น ถ่ายรูปก็ได้ พอถึงเวลาก็เดินกลับมาหาพนักงานแล้วยื่นบัตรให้ จะได้เข้า FASTPASS Lane ตรงไปเลย
สำหรับแฟนๆ Disney ตัวจริงคงไม่พลาดที่จะได้ไปนอนโรงแรม Disney Hotel สักครั้ง ที่ Tokyo Disney Resort ก็มีตัวเลือกโรงแรมให้เลือกค่อนข้างหลากหลายมาก ข้างในก็มีห้อง โรงแรม ห้องโถง และลิฟท์ ที่ตกแต่งประดับสไตล์ Disney อีกทั้งมีห้องพิเศษสำหรับคู่รัก หรือครอบครัว และรองรับผู้สูงอายุได้อีกด้วย
ห้องพักใน Tokyo Disney Resort แบ่งออกเป็นสองประเภทด้วยกัน อย่างแรกคือห้องแบบประหยัด (Tokyo Disney Celebration Hotel) และแบบหรูหรา (Tokyo Disneyland Hotel, Tokyo DisneySea Hotel MiraCosta, Disney Ambassador Hotel) ทำให้ได้เสพย์บรรยากาศความเป็น Disney สุดๆ
นอกจากนี้ยังมีโรงแรมพันธมิตรของ Disney และโรงแรมใกล้ๆ Disney ให้บริการสำหรับผู้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายอีกด้วย
Bonus: ขอแต่งงานให้เพอร์เฟกต์ในสวนสนุกดิสนีย์
ถ้าใครอยากจะเซอร์ไพรส์แฟนขอแต่งงานด้วยบรรยากาศเทพนิยาย ทางสวนสนุกก็มีตัวเลือกให้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแหวน หรือเครื่องประดับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
4°C,
Citizen Jewelry,
K.Uno และ
Disney เจ้าของสวนสนุกนั่นเอง
นอกจากอุปกรณ์เครื่องประดับอย่างแหวนที่ใช้ในการขอแต่งงานแล้ว Tokyo Disneyland เองก็มีบริการขั้นพิเศษให้ด้วย โดยที่ปราสาทซินเดอรเรลลา รองเท้าแก้วที่หลุดของแม่หญิงซินฯ อาจจะทำให้บรรยากาศการขอแต่งงานน่าสนใจขึ้นกว่าเดิม โดยรองเท้าแก้วมีหลายขนาดและสีให้เลือกซื้อใช้ตามความเหมาะสม
หวังว่าใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็คงจะได้ไปเที่ยว Tokyo Disneyland และได้รับประสบการณ์ที่ดีเลิศกลับมานะครับ
ที่มา - www.reflectgirl.com